ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการเลือกซื้อฮอปเปอร์นั้นต้องดูด้วยว่าปืนที่คุณใช้อยู่เป็นปืนแบบไหน ยิงได้เร็วเท่าไหร่ เพราะในบางครั้งถ้าปืนของคุณไม่ใช่ระบบไฟฟ้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้ฮอปเปอร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุด หารุ่นที่สามารถป้อนลูกให้เราประมาณ 12-13 ลูกต่อวินาทีก็เพียงพอแล้ว (เว้นแต่ว่านิ้วของคุณจะเร็วมากกกกกก) และถ้าถามว่าทำไมต้องซื้อฮอปเปอร์ ในเมื่อปืนยิงไม่เร็ว นิ้วก็ไม่เร็ว? อันนี้ตอบง่ายมาก ฮอปเปอร์ที่มีระบบป้อนลูกด้วยไฟฟ้านั้นจะช่วยให้คุณไม่ต้องเขย่าปืนไปๆมาๆ โดยเฉพาะตอนลูกใกล้ๆจะหมด หรือลูกไปติดกันเองในฮอปเปอร์ของคุณ
DXS Pulse เป็นฮอปเปอร์ที่ดูเหมือนจะมีการออกแบบได้ดีที่สุดทั้งรูปร่างหน้าตาภายนอกและระบบภายใน โดยจะสามารถใส่ลูกได้ประมาณ 180 ลูก สามารถป้อนลูกได้ถึง 35 ลูกต่อวินาที จุดขายของฮอปเปอร์รุ่นนี้อยู่ตรงที่มีการออกแบบให้สามารถถอดส่วนล่าง ซึ่งเป็นชุดมอเตอร์หมุนลูกออกมา ทำให้ง่ายต่อการล้างทำความสะอาด และส่วนคอที่สั้นกว่าของ Halo หรือ Empire มีการติดตั้งระบบกันลูกติดโดยกดปุ่มด้านหลังเพื่อให้หมุนย้อนกลับ นอกจากนั้นยังมีระบบการส่งสัญญาณไร้สายจากการเหนี่ยวไกปืน (ต้องซื้อตัวส่งสัญญาณเพิ่ม) แต่ข้อเสียคือมีผู้ใช้หลายรายรายงานว่า Body หรือ Shell ของ Pulse นั้นเปราะบางแตกหักได้ง่าย ไม่เหมือนกับที่ได้โฆษณาไว้ และผู้ใช้บางรายยังไม่ค่อยพอใจกับระบบการทำงานของตัวส่งสัญญาณนัก อีกทั้งราคาที่ค่อนข้างสูงคือ $150 สำหรับฮอปเปอร์ และอีก $30 สำหรับ RF Module หรือตัวส่งสัญญาณ กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://paintball.phpbb3.net/ftopic177.html
Empire Reloader B หรือ Halo B + Rip Drive ถ้าพูดถึงความนิยมของสองรุ่นนี้คงจะบอกยากว่าอันไหนเป็นที่นิยมมากกว่ากัน แต่ถ้าจะว่ากันว่าอันไหนเร็วว่าก็คงจะเป็น Empire ที่ทำงานด้วยเสียง (เปรียบเทียบจากตัวมาตรฐานไม่มีการปรับแต่งอะไรนะครับ) ซึ่งความจริงก็เร็วกว่าไม่มากจนถึงขนาดคุณเห็นความแตกต่างได้... รูปร่างหน้าตาของบอดี้เหมือนกันทั้งสองรุ่น ดั้งนี้ถ้าจะเปลี่ยนบอดี้ก็สามารถสลับกันได้เลย โดยสามารถใส่ลูกได้ประมาณ 180 ลูก ทั้งสองรุ่นสองยี่ห้อนี้มีข้อเสียแตกต่างกัน คือของ Empire จะทำงานด้วยเสียง ก็เลยจะมีปัญหากับปืนในระดับไฮเอนด์บางยี่ห้อครับ และของ Halo เองก็จะมีปัญหากับลูกเพ้นบอลสีเข้มมากๆ จะมองไม่เห็นลูก และจะไม่ทำการโหลดลูกครับ สำหรับชุดแต่งก็มีให้เลือกมากมายตั้งแต่บอดี้หลากสี โคนปั่นลูกที่ทำด้วยวัสดุชนิดต่างๆ ไปจนถึงแผงวงจร (Board)เช่นของ V35, Angry Board, Cheetah...
ซึ่งแต่ละอันก็จะเพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็วในการป้อนลูกเพิ่มขึ้น และสามารถปรับความเร็วให้เหมาะสมกับปืนของคุณได้ (เร็วเกินไปก็ทำให้เกิดปัญหาลูกแตกได้นะครับ)
มาต่อกันที่ฮอปเปอร์จาก ViewLoader คือรุ่น VLocity Select Force Hopper ที่มีราคาไล่เลี่ยกับ Empire Reloader B ซึ่งก็แน่นอนครับว่าของออกมาใหม่ ก็ย่อมจะมีลูกเล่นมากกว่า เช่นสามารถป้อนลูกได้สูงถึง 35 ลูกต่อวินาทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนบอร์ดอะไร และยังสามารถอัฟเกรดได้ภายหลังอีกด้วย นอกจากนั้นยังบรรจุลูกได้มากกว่า (ประมาณ 200 ลูก) มีการติดตั้งระบบกันลูกติด คือกดปุ่มด้านหลังเพียงหนึ่งครั้ง เพื่อให้หมุนย้อนกลับ ทั้งยังมีน้ำหนักที่เบากว่าของ Pluse และ Halo/Empire แต่ก็แน่นอนว่ารูปร่างที่อาจจะดูเทอะทะ แล้วก็วัสดุที่อาจจะไม่ทนทานเหมือนของ Empire หรือ Halo และกินแบตเตอรี่กว่ามาก ส่วนเรื่อง Shell หรือ Body นั้นขอแนะนำให้เลือกสีดำ เพราะมีความทนทานมากที่สุด รองลงมาคือแบบใส และสีเทาซึ่งบางที่สุด
ฮอปเปอร์รุ่น VLocity Junior จะเป็นรุ่นน้องของ VLocity ด้านบน เพราะจะไม่สามารถปรับความเร็วในการโหลดลูกได้เหมือนกับรุ่น Select Force แต่ตัวแผงวงจรก็สามารถนำไปทำการอัฟเกรดในภายหลัง หรือซื้อแผงวงจรมาเปลี่ยนได้ ข้อแตกต่างอีกอย่างคือ ช่องที่ทำการใส่ลูกจะมีการออกแบบให้เอียงลง เพื่อการใส่ลูกได้ง่ายขึ้น ราคาของรุ่นนี้จะอยู่ที่ประมาณ $90
คราวนี้ถึงทีของ ViewLoader eVLution III Electronic Hopper หรือเจ้า Eggy ที่หลายๆคนชอบ รุ่นนี้ได้รับการพัฒนามาจากรุ่น II คือจะมีการติดตั้ง Z Board มาให้เลย ไม่จำเป็นต้องไปซื้อเปลี่ยนอีก โดยจะมีความเร็วในการป้อนลูกที่ 20-22 ลูกต่อวินาที ข้อเสียก็จะมีตรงที่วัสดุของบอดี้ โดยเฉพาะฝาปิดแบตเตอรี่ ที่คอยจะหักอยู่เรื่อย อันนี้แนะนำให้ซื้อฝาสำรองไว้ซักสองอันเลยครับ อีกข้อหนึ่งคืออาจจะต้องฝึกให้ชินกับตอนโหลดลูกซักนิดนึง เพราะเป็นแบบเลื่อนฝาลงมาเพื่อเปิด แต่ข้อดีคือมีราคาย่อมเยากว่ายี่ห้ออื่น
ฮอปเปอร์ของสำนัก Ricochet รุ่น Apache ที่มีรูปร่างสวยงามที่สุด และป้อนลูกได้เร็วใกล้เคียงกับเจ้า Eggy และใช้แบตเตอรี่ขนาด 9V สองก้อนเหมือน Eggy อีกด้วย จะมีข้อเสียตรงที่ราคาค่อนข้างแพง (รุ่นท๊อปที่มีจอ LCD) เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ และเสียงดังน่ารำคาญ นอกจากนั้นเจ้า O-Ring ที่อาจจะต้องเอาออก ถ้าเอาไปใส่กับปืนบางยี่ห้อ เพราะมันอาจจะแน่นจนใส่ไม่ลง ฮอปเปอร์รุ่นนี้จะได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้เล่นเพ้นบอลในแบบ Woodsball
Kingman Fasta Hopper ตัวนี้ผลิตโดยผู้ผลิตปืน Spyder นี่เอง ข้อดีของรุ่นนี้คือสามารถใส่ลูกได้มากถึงประมาณ 220 ลูก และป้อนลูกได้เร็วถึง 30 ลูกต่อวินาที โดยจะมีราคาเพียงแค่ $80 ไล่เลี่ยกับ Eggy และ Apache ข้อด้อยคือรูปร่างหน้าตาที่ไม่ค่อยสวยเมื่อนำไปใส่กับปืนในระดับแพงๆ และค่อนข้างจะใส่ลูกลำบาก เพราะฝาปิดอยู่ด้านบนสุด จะต้องทำการลดปืนในขณะยิงเพื่อใส่ลูก
ฮอปเปอร์สองรุ่นนี้คือ Halo Backman TSA และ Halo Frontman TSA จากค่ายOdyssey ทั้งสองรุ่นนี้จะต่างกันเพียงขนาดความจุลูก โดยรุ่น Backman จะบรรจุลูกได้ประมาณ 200 ลูก ในขณะที่รุ่น Frontman นั้นใส่ลูกได้เพียง 150 ลูก ทั้งสองรุ่นจะป้อนลูกที่ความเร็วสูงสุด 15 ลูกต่อวินาที ใช้ถ่านขนาด 9V สองก้อน และใช้ระบบเสียงในการทำงานเช่นเดียวกับของ Empire จุดที่น่าสนใจคือมีระบบ Tilt คือถ้าเขย่าฮอปเปอร์ไปทางขวา โคนหมุนจะหมุนย้อนเข็มนาฬิกา และหากเขย่าไปทางซ้ายก็จะหมุนตามเข็มนาฬิกา ราคานั้นอยู่ที่ประมาณ $40 ทั้งสองรุ่น
แน่นอนว่าโหลดเดอร์อย่าง Q-Loader ก็ต้องเข้าทำเนียบยอดนิยมด้วย โดยจะเป็นที่นิยมสำหรับนักเล่น Woodsball โหลดเดอร์รุ่นนี้รูปร่างหน้าตาและการใช้งานค่อนข้างจะแตกต่างจากรุ่นอื่นๆที่นำมาให้ชมกันมาก (คือถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลย) ข้อดีคือไม่ต้องใช้ถ่าน และใช้เวลาในการโหลดลูกน้อยมาก แต่ข้อเสียที่พบบ่อยคือจะใช้ลูกเพ้นบอลที่มีเปลือกบางไม่ค่อยได้ เพราะจะแตกบ่อย รายละเอียดรบกวนดูได้ด้านล่างครับ
ฮอปเปอร์ยี่ห้ออื่นๆนอกเหนือจากที่นำมาเปรียบเทียบให้ดูกันนี้เช่น ViewLoader Revolution 12V หรือ Tippmann Triumph SL200 ฯลฯ ซึ่งสามารถป้อนลูกได้ในระดับ 12 ลูกต่อวินาทีนั้นยังมีอีกมากครับ แต่ขอนำมาพูดถึงเฉพาะฮอปเปอร์ที่ได้รับความนิยมเท่านั้น
ดูภาพจริงเพื่อเปรียบเทียบขนาดของฮอปเปอร์ได้ที่นี่
http://smartcorps.smartparts.com/forum/ ... .htm?t=704
ด้านบนนี้เป็นตารางเปรียบเทียบการนำถ่านชนิดต่างๆมาใช้กับ Hopper ครับ
เอามาฝากกัน จะได้ใช้ถ่านให้เหมาะสม โปรดอย่าลืมว่าใช้ถ่านที่แรงก็จะทำให้ฮอปเปอร์ทำงานได้เร็ว ถ่านอ่อนก็จะทำงานช้าลง แต่ถ้าถ่านแรงเกินไป...
เตรียมตัวซื้อฮอปเปอร์ใหม่ได้เลยครับ
ขอแนะนำฮอปเปอร์รุ่นใหม่ปี 2008
รุ่นแรกคือ Torque จาก HardCorps. เป็นบริษัทน้องใหม่ล่าสุดในตลาดเพ้นท์บอล ฮอปเปอร์รุ่นนี้ออกวางขายพร้อมกับ Shell (หรือที่เราเรียกกันว่า Body หรือเปลือกโม่) หลากหลายลวดลาย ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ผลิตนั้นจะเป็นพลาสติกชนิด ABS ซึ่งจะมีความทนทานและยืดหยุ่นสูงมาก จุดขายที่สำคัญๆก็คือน้ำหนักที่เบาและความง่ายในการถอดล้าง เพราะจะไม่ได้ใช้น๊อตหรือสผม แต่จะเป็นระบบ"สแน๊ป"หรือเพียงแค่ประกบเข้าด้วยกันก็แน่นหนาแล้ว การใส่ถ่านนั้นจะอยู่ด้านในเลย ส่วนความเร็วสูงสุดในการโหลดลูกจะอยู่ที่ 30 ลูกต่อวินาที และราคาก็ตั้งไว้เพียง $99 เท่านั้น
รุ่นถัดมาเป็นผลิตภัณฑ์จาก Empire ชื่อรุ่น Magna ซึ่งตั้งราคาเอาไว้ที่ $150 แต่ก็มีทั้งประสิทธิภาพและความเร็วในการโหลดลูกสูงมาก ซึ่ง Magna จะสามารถใส่ชิป RF เอาไว้ส่งสัญญาณระหว่างปืนกับฮอปเปอร์ได้ (ซื้อแยก) และยังมาพร้อมกับฝาปิดระบบแม่เหล็กด้วย นอกจากนั้นยังมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งสูง เช่นความเร็วในการโหลดลูก ความแรงในการปั่นลูก ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่านี่ก็คือหนึ่งในฮอปเปอร์ที่ดีที่สุดที่วางขายอยู่ในขณะนี้
Hopper หรือโหลดเดอร์รุ่นใหม่จาก NXe ผู้ผลิตแบคแพคหรือ Harness ชื่อดัง ก็ได้หันมาผลิตฮอปเปอร์ที่ดูเหมือนจะเรียกความสนใจจากนักเล่นเพ้นท์บอลมืออาชีพได้มาก เปิดตัวด้วยราคา $120 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า JRNY ด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างทันสมัย และใช้วัสดุอย่างดีเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีความคงทน ไม่แตกหักง่ายตามอายุกาลใช้งาน ส่วนข้อดีนั้นก็มีอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่การออกแบบให้ใส่แบตเตอรี่ตรงจุดที่ใกล้กับคอ เพื่อให้น้ำหนักไม่เทไปด้านใดด้านหนึ่ง นอกจากนี้ยังใช้ถ่านขนาด AA เพียง 4 ก้อน แต่ก็จะยิงได้ถึง 20,000 ลูกหรือ 10 กล่องเลยทีเดียว
รุ่นสุดท้ายที่แนะนำนี้ความจริงต้องเรียกว่าเป็นรุ่น Limited Edition ซึ่งออกแบบโดยทีม Dynasty (เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ก็มีรุ่น XSV ออกมาแล้ว) ซึ่งได้มีการติดตั้งบอร์ดรุ่นใหม่มาให้เลย ซึ่งจะช่วยในการประหยัดถ่าน และมีโหมดให้ปรับเพิ่มขึ้น รุ่นนี้จะใส่ลูกเพ้นท์บอลได้ 180 ลูกเพราะเป็นรุ่น Vlocity JR และมีที่ปั่นลูกเป็นลักษณะดาวกระจาย ส่วนราคานั้นตั้งไว้ที่ $160
ฮอปเปอร์ใหม่ล่าสุดปี 2009 โดย Dye ชื่อรุ่นว่า Rotor ราคา $150 มีสี่สีคือ ดำ แดง เขียว ฟ้า ซึ่งข้อมูลเด่นๆของ Rotor ที่เห็นได้ชัดเช่น การถอดประกอบในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ และไม่มีน็อตแม้แต่ตัวเดียว ใช้ถ่านขนาด AA เพียงสามก้อน บรรจุลูกได้มากถึง 200 ลูก และสามารถเปลี่ยนชิ้นด้านบนให้ใหญ่ขึ้น และจะสามารถใส่ลูกได้ถึง 250 ลูก
นอกจาผมปร่างหน้าตาที่ดูดีแล้วยังสามารถโหลดลูกได้เร็วถึง 50 ลูกต่อวินาที นอกจากนั้นยังคุยไว้อีกว่า Rotor ได้รับการออกแบบให้โหลดลูกได้เร็วและสม่ำเสมอที่สุดโดยไม่ต้องทำการ upgrade อะไรอีกแล้ว
บริเวณใกล้ฝาปิดจะมีปุ่มกดเพื่อแยกชิ้นส่วน และจะมีช่องใสให้สามารถมองเห็นจำนวนลูกเพ้นท์บอลที่เหลืออยู่ได้โดยง่าย
เทคโนโลยีใหม่ซึ่ง Dye กำลังจดสิทธิบัตรอยู่ นั่นคือการใช้สปริงเพื่อช่วยให้การโหลดลูกเป็นไปอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ติดขัด ซึ่งหลักการทำงานก็คือชิ้นส่วนตรงกลางที่ทำหน้าที่รองรับลูกเพ้นท์บอลและห้องเครื่อง จะสามารถยกตัวขึ้นได้เมื่อลูกเพ้นท์บอลเหลือน้อย ซึ่งจะช่วยทำให้ลูกไหลไปยังโคนปั่นลูก
ถ่าน AA เพียงสามก้อนนี้จะสามารถโหลดลูกเพ้นท์บอลได้มากถึง 50,000 ลูก ซึ่งถือว่าเป็นฮอปเปอร์ที่ใช้แบตเตอรี่ในการทำงานน้อยที่สุดในขณะนี้ นอกจากนั้นประโยชน์จากการใช้ถ่านก้อนเล็กเพียงสามก้อนนี้ก็จะช่วยให้มีน้ำหนักเบาอีกด้วย
Rotor จะเน้นการทำงานที่ง่าย ด้วยการใช้ไฟ Led บอกสถานะ และในกรณีที่มีการ Jam ของลูก ก็จะมีสิ่งที่คล้ายไกปืนให้กด เพื่อทำการแก้ปัญหาเบื้องต้น
หลังๆ ที่เห็นกันนิยมใช้กันแบบแพร่หลายเลยก้อ DYE ROTER / VLocity / HALO ตามลำดับ
ปล.เครดิตข้อมูลทั้งหมดจาก พี่ไก่ Pro-Paintball จากทีม Highway Star ขอบคุณครับ
ขอขอบคุณ เนื้อหาที่เกี่ยวกับ Paintball ทั้งหมด จาก พี่ไก่ PB Thailand มาณะที่นี้ด้วยน่ะครับ
